ธนาคารธนชาต จัดทำโดย นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บลจ.ธนชาต ออก 2 กองทุนใหม่ ธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/4 และธนชาตตราสารหนี้ 3เดือน # 5

        กลุ่มธนชาต มุ่งสู่การเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ โชว์ผลประกอบการสุดแจ่มกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/55 ที่ 1,709 ล้านบาท (+8.0% YoY, +43.3% QoQ) และกำไรงวดครึ่งปีแรกปี 55 ที่ 2,903ล้านบาท (+6.5%YoY)
        นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการผลการดำเนินงานไตรมาส 2/55 ว่า กลุ่มธนชาตมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,709 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/55 และ 4/54 หลังจากผ่านปีแห่งการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตและธนาคารนครหลวงไทย พร้อมทั้งก้าวผ่านวิกฤตอุทกภัยในปลายปีที่ผ่านมา โดยไตรมาส 1/55 กลุ่มธนชาตมีกำไรสุทธิ 1,194 ล้านบาท และในไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิ 1,709 ล้านบาท แม้ว่าในครึ่งปีนี้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำกว่าครึ่งปีที่แล้วก็ตาม ผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นปัจจัยหลักเกิดจากการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ NPL ลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 5.9% เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 5.1% ณ สิ้นไตรมาส 2/55 รวมถึงการขยายตัวของสินเชื่อทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หากไม่นับรวมการแก้ไขหนี้ NPL และปิดบัญชีลูกหนี้ NPL รายใหญ่ สินเชื่อเติบโตถึงร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 54 ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก Synergy และค่าธรรมเนียมจากการ Cross-sell ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
        “สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าสินเชื่อจะยังเติบโตได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มธนชาต ในขณะเดียวกันกลุ่มธนชาตจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยผสานพลังภายในกลุ่มในการทำ cross-sell ผ่านเครือข่ายสาขาทั่วประเทศกว่า 630 สาขา อีกทั้งจะลด NPL ลงมาให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม” นายศุภเดช กล่าว
       ในขณะที่ นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ผลการดำเนินงานของธนาคารธนชาตปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับหลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อไตรมาส 4/54 เนื่องจากในปีนี้ธนาคารได้มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของกลุ่มธนชาต เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการเพื่อให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในครึ่งปีหลังธนาคารได้มีการวางระบบกระบวนการอนุมัติสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้สินเชื่อขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในขณะเดียวกันธนาคารมีนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันไป ทั้งค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานด้วยการรวมงาน back office เข้าไปไว้ที่เดียวกัน ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยด้วยการขยายสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์ และค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญด้วยการบริหารจัดการสินเชื่อ PL และ NPL อย่างมีประสิทธิภาพ”

ที่มา http://www.newswit.com/fin/2012-07-20/96911f73636a7d87c3c9040c301ce2c6/

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บลจ.ธนชาต เสนอขาย Fixed Income 25 กองทุนตราสารหนี้ผสมไทย–ต่างประเทศ ให้ผลตอบแทนสูงถึง 3.15%

    บลจ.ธนชาต เสนอขายกองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 25 (TFixedIncome25) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.15% เสนอขายครั้งเดียวจนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2555
    นางสาวทิพวัลย์ เอี่ยมโอภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ จะทำการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 25 (TFixedIncome25) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน Arab Emirates Dirham ของ Union National Bank / Abu Dhabi Commercial Bank / First Gulf Bank ประมาณ 20% ลงทุนในเงินฝากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ของ Bank of China ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย Emirates NBD ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ ที่ออกโดย Itau Unibanco S.A. / Banco Bradesco ประมาณ 18% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ / บมจ.แสนสิริ / บมจ.เอสซี แอสเซท คอร์ปอเรชั่น ประมาณ 21.90% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ประมาณ 0.10% อายุประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.3824% ต่อปี ซึ่งมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.2324% ต่อปี โดยพร้อมเปิดเสนอขายแล้วจนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ทั้งนี้กองทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ.ธนชาต โทร   0-2126-8399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร 1770 หรือ ผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com

ที่มา   http://www.newswit.com/fin/2012-07-26/2af8bb36dd876d6e807eadf4303dfc85/

ธนาคารธนชาต ออก “บัตรเดบิตกลิ่นมะลิ” ต้อนรับเทศกาลวันแม่

  ภาพข่าว: ธนาคารธนชาต ออก “บัตรเดบิตกลิ่นมะลิ” ต้อนรับเทศกาลวันแม่ 

 ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต้อนรับเทศกาลวันแม่ ออก “บัตรเดบิตกลิ่นมะลิ” (LIMITED EDITION) เชิญชวนผู้สนใจใช้บริการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน พร้อมสมัครบัตรเดบิตแคชแบ็ก จะได้รับบัตรเดบิตที่มีกลิ่นหอมของดอกมะลิ ผู้สนใจสมัครใช้บริการได้ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ ที่ธนาคารธนชาต 630 สาขาทั่วประเทศ หรือ โทรศัพท์สอบถาม 1770

ที่มา  http://www.ryt9.com/si/prg/1454059

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ธนชาตเปิดเกมรุกธุรกิจประกัน เพิ่มช่องทางขาย ดันบริการใหม่มุ่งเป้าตำแหน่ง TOP5 ปีนี้

      ประกันภัยธนชาต ประกาศความสำเร็จโกยเบี้ยประกันผ่านแบงก์แอสชัวร์รันซ์ครึ่งปีแรกสดใส มั่นใจได้เบี้ยรวมทั้งปีตามเป้ามากกว่า 5,500 ล้านบาท พร้อมเปิดเกมรุกครึ่งปีหลังผลักดันช่องทางขายทั้ง Direct Sale และอีคอมเมิร์ซ ชูกลยุทธ์เจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมายและเน้นความสะดวกให้ลูกค้า พร้อมตอบสนองด้วยความสมบูรณ์ของระบบ เครือข่ายและบุคลากร และล่าสุดได้ผู้บริหารจากธนาคารธนชาตเป็นแม่ทัพใหญ่ มั่นใจส่งประกันธนชาต ครองตำแหน่ง “Top 5”       นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทธนชาตประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า จากศักยภาพการขายประกันผ่านแบงก์แอสชัวร์รันซ์ (Bank assurance) ในช่วงครึ่งปีแรกทำให้ผลงานการขายมีแนวโน้มที่ดีและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยได้การสนับสนุนจากเครือข่ายสาขาธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่มีมากกว่า 600 สาขาทั่วประเทศส่งผลให้บริการลูกค้าเป็นไปอย่างทั่วถึงและใกล้ชิด ซึ่งในช่วงหลังจากนี้ในส่วนของธนชาตประกันภัยจะใช้กลยุทธ์การขายที่เน้นเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์โดยตรงและช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการเข้าถึงบริการ
      “กลยุทธ์การขายของธนชาตประกันภัยจะมุ่งผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทาง Direct Sale (Hire Purchase) ขายประกันภัยผ่านเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารธนชาต โดยจะเป็นช่องทางหลักของการขาย ,ขยายช่องทางขายประกันภัยผ่านทางโทรศัพท์ผ่านเจ้าหน้าที่ธนชาตโบรกเกอร์ (Telesale) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และช่องทางการขายประกันภัยผ่านทาง Internet หรืออีคอมเมิร์ซ ซึ่งนับวันจะได้รับความสนใจมากขึ้น ส่วนช่องทาง Bancassurance ซึ่งเป็นช่องทางที่ขายประกันภัยผ่าน Counter สาขาของธนาคารธนชาต มีแนวโน้มว่าจะได้เบี้ยประกันรวมทั้งปีเกินจากเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้เป็นเพราะบริษัทฯเน้นออกผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่หลากหลายขึ้น พร้อมเจาะตลาดสินเชื่อรถยนต์ โดยอาศัยความแข็งแกร่งของธนาคารธนชาตในฐานะผู้นำตลาด รวมถึงขยายฐานลูกค้าประกันไปยังลูกค้าในกลุ่มสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเอสเอ็มอี นอกจากนี้ยังออกแพ็กเกจที่ตอบสนองได้ทันต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา ที่สำคัญในด้านบริการยังคงเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยความรวดเร็ว สะดวกและมีประสิทธิภาพ” นายศุภเดช กล่าว
       กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทธนชาตประกันภัย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์การรุกธุรกิจประกันเพื่อตำแหน่งท็อป 5ในปีนี้ ยังรวมถึงการได้นายนพดล เรืองจินดา จากธนาคารธนชาตขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร บริษัทธนชาตประกันภัย และเป็นรองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทธนชาตประกันชีวิตด้วย ซึ่งจากประสบการณ์ที่เคยบริหารบริษัททั้งสองแห่งมากว่า 10 ปี ช่วยยกระดับธนชาตประกันภัยจากเบี้ยประกันภัยรับในปี 2541 อยู่ที่ 240 ล้านบาท เป็น 3,000 ล้านบาทในปี 2552 และทำให้ธนชาตประกันภัย มีเบี้ยประกันภัยสูงติดอยู่ในอันดับต้นๆของอุตสาหกรรมจนถึงปัจจุบัน และล่าสุดกับผลงานการบริหารเครือข่ายสาขาของธนาคารธนชาตจนสามารถขยายฐานการให้บริการลูกค้าได้มากกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจว่ากลุ่มประกันของธนชาตจะขยับขึ้นสู่แนวหน้าของประเทศได้อย่างแน่นอน

ที่มา http://www.thanachartbank.co.th/tbankcmsfrontend/promotiondetailth.aspx?typeid=13&id=426

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ธนชาตออกเเคมเปญเเรงครึ่งปีหลัง ให้ลูกค้าบินฟรีไปลอนดอน


     ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ออกแคมเปญกระตุ้นครึ่งปีหลัง “รูดเต็มที่ กดเต็มแรง ชิงชัยไปลอนดอน” เพียงลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อบุคคล ธนาคารธนชาต ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตครบทุก 500 บาท/ ใบเสร็จ หรือกดเงินสดทุก 500 บาทผ่านบัตรสินเชื่อบุคคล ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 30 กันยายน 2555 ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-ลอนดอน ฟรี! จำนวน 4 รางวัล ๆ ละ 2 ที่นั่ง ลงทะเบียนผ่านทางมือถือพิมพ์ TA หรือ TB ตามด้วยหมายเลขบัตร 16 หลัก ส่ง SMS มาที่เบอร์ 4712111 ก่อนวันที่ 31 กรกฏาคมนี้ เพื่อเลือกรับคะแนนสะสม หรือสิทธิ์ลุ้นบินฟรีเพิ่มตามต้องการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ธนชาต Contact Center 1770

ที่มา   http://www.thanachartbank.co.th/tbankcmsfrontend/promotiondetailth.aspx?typeid=13&id=429

ธนชาตโชว์ไตรมาส2กำไรพุ่งเป็นประวัติการณ์

      กลุ่มธนชาตโชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี"55 กำไรพุ่ง 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ครึ่งปีแรกกำไร 2.9 พันล้าน
      นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการผลการดำเนินงานไตรมาส 2/55 ว่า กลุ่มธนชาตมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,709 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/55 และ 4/54 หลังจากผ่านปีแห่งการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตและธนาคารนครหลวงไทย พร้อมทั้งก้าวผ่านวิกฤตอุทกภัยในปลายปีที่ผ่านมา โดยไตรมาส 1/55 กลุ่ม
ธนชาตมีกำไรสุทธิ 1,194 ล้านบาท และในไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิ 1,709 ล้านบาท แม้ว่าในครึ่งปีนี้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำกว่าครึ่งปีที่แล้วก็ตาม
      ผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นปัจจัยหลักเกิดจากการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ NPL ลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 5.9% เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 5.1% ณ สิ้นไตรมาส 2/55 รวมถึงการขยายตัวของสินเชื่อทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หากไม่นับรวมการแก้ไขหนี้ NPL และปิดบัญชีลูกหนี้ NPL รายใหญ่ สินเชื่อเติบโตถึงร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 54 ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก Synergy และค่าธรรมเนียมจากการ Cross-sell ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
      สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าสินเชื่อจะยังเติบโตได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มธนชาต ในขณะเดียวกันกลุ่มธนชาตจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยผสานพลังภายในกลุ่มในการทำ cross-sell ผ่านเครือข่ายสาขาทั่วประเทศกว่า 630 สาขา อีกทั้งจะลด NPL ลงมาให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม    ในขณะที่ นาย สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ผลการดำเนินงานของธนาคารธนชาตปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับหลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อไตรมาส 4/54 เนื่องจากในปีนี้ธนาคารได้มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของกลุ่มธนชาต เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการเพื่อให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  โดยในครึ่งปีหลังธนาคารได้มีการวางระบบกระบวนการอนุมัติสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้สินเชื่อขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในขณะเดียวกันธนาคารมีนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันไป ทั้งค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานด้วยการรวมงาน back office เข้าไปไว้ที่เดียวกัน ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยด้วยการขยายสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์ และค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญด้วยการบริหารจัดการสินเชื่อ PL และ NPL อย่างมีประสิทธิภาพ

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บลจ.ธนชาต เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ผสม ไทย – ตปท. พร้อมกัน 2 กองทุน

         บลจ.ธนชาต เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 24 (TFixedIncome24) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.20% และกองทุนเปิดธนชาต Fixed Income M1 (TFixedIncomeM1) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี โดยทั้งสองกองทุน เสนอขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 3 - 9 กรกฎาคม2555
          นายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ จะทำการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 24 (TFixedIncome24) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน Arab Emirates Dirham ธนาคาร Union National Bank ประมาณ 20% ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank / ธนาคาร Frist Gulf Bank ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ ที่ออกโดย Banco Bradesco / Itau Unibanco S.A. ประมาณ 20%ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย Emirates NBD ประมาณ 18% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น / บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง ประมาณ 21.90% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ประมาณ 0.10% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.4304 % ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.2304 % ต่อปี
          และกองทุนเปิดธนชาต Fixed Income M1 (TFixedIncomeM1) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน Arab Emirates Dirham ธนาคาร Union National Bank ประมาณ 22%, ธนาคาร Frist Gulf Bank / ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank ประมาณ 22% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / บมจ.อยุธยา ดีเวลลอปเม้น ลีสซิ่ง ประมาณ 22% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น / บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง ประมาณ 22% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย บมจ.โตโยต้า ลิสซิ่ง ประมาณ 11.90% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ประมาณ 0.10% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.2592 % ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.2592 % ต่อปี
          ทั้งสองกองทุนเสนอขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 3 – 9 กรกฎาคม 2555 โดยกองทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน
 

  คำเตือน
          - การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
          - กองทุน TFixedIncome24 และ TFixedIncomeM1 จะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน ดังนั้น จึงอาจมีความเสี่ยงที่คู่สัญญาธุรกรรมการป้องกันความเสี่ยงอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันหรือสัญญาดังกล่าวได้
          - หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้
          - การลงทุนที่แท้จริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้เพื่อความเหมาะสมกับสภาพตลาดตราสารหนี้ และอัตราดอกเบี้ยของตราสารต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายของกองทุน
          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ.ธนชาต โทร 0-2126-8399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร 1770 หรือ ผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง
www.thanachartfund.com

จาก http://www.thaipr.net/finance/415443

ธนชาตชูกลยุทธ์ใช้ 630 สาขาขายโปรดักท์

     ธนาคารธนชาตชูกลยุทธ์ใช้ 630 สาขา เป็นช่องทางหลักในการเสนอขายบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบวงจรเต็มรูปแบบ ทั้งเงินฝาก-สินเชื่อทุกประเภท
     นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังการรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาต กับธนาคารนครหลวงไทย เป็นไปอย่างราบรื่นตั้งแต่ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ทำให้ ณ ปัจจุบันธนาคารมีสาขา 630 สาขา ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจำนวนสาขาที่เหมาะสมกับธุรกิจของธนาคาร ส่งผลให้ธนาคารมีศักยภาพและมีความพร้อมในการแข่งขันกับอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารมีนโยบายใช้สาขาในการทำตลาดขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินทุกประเภท เนื่องจากสาขาเป็นช่องทางสำคัญที่เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย และสามารถให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรแก่ลูกค้า ทั้งเงินฝาก และสินเชื่อ ทุกประเภท รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทำให้ธนาคารธนชาตเป็นสถาบันการเงินครบวงจร (Universal Banking) เต็มรูปแบบอย่างแท้จริง
    ในปัจจุบัน สาขาของธนาคาร ให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบวงจร ได้แก่ บริการด้านเงินฝาก มีทั้งเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากเงินตราต่างประเทศ บัตรเดบิต
แคชแบ็ก บัตรเอทีเอ็ม บริการด้านสินเชื่อ เช่น สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเอนกประสงค์ สินเชื่อเพื่อการศึกษา สินเชื่อสาร พัดนึก บัตรเครดิต สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ บัตรสินเชื่อบุคคล (FLASH Card) บริการด้านอื่นๆ เช่น บริการธุรกิจปริวรรตเงินตราต่างประเทศ บริการบริหารจัดการทางการเงินและสภาพคล่อง (Cash management ) การให้บริการจ่ายเงินเดือนผ่านธนาคาร (Payroll)
    นอกจากนี้ ธนาคารธนชาต ยังมีนโยบายในการจัดรายการส่งเสริมการตลาด เพื่อมอบสิทธิพิเศษ
ให้กับลูกค้าของธนาคารอย่างสม่ำเสมอ โดยตั้งแต่ระหว่างวันนี้ ถึง 30 กันยายน 2555 ธนาคารได้จัด กิจกรรมส่งเสริมการตลาด "Birthday Reward"มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่มีวันคล้ายวันเกิดในเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน จะได้รับดอกเบี้ยอัตราพิเศษ พร้อมสิทธิพิเศษทางการเงินหลากหลาย ทั้งในด้านบริการเงินฝาก สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และ สินเชื่อเคหะ เป็นต้น
ผู้สนใจใช้บริการ ติดต่อสอบถามที่ธนาคารธนชาต ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ โทรศัพท์ 1770

ที่มา  กรุงเทพธุรกิจ
        http://www.bangkokbiznews.com

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บลจ.ธนชาตขาย“กองทุน T-SET 50”รับลงทุนผันผวน

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ
บลจ.ธนชาตขาย“กองทุน T-SET 50”รับลงทุนผันผวนPDFPrintE-mail
MONDAY, 09 JULY 2012 10:18
บลจ. ธนชาต เครื่องร้อนออกตัวแรงรุกตลาดช่วงครึ่งปีหลัง เปิดขาย “กองทุนเปิดธนชาต SET 50” เน้นลงทุนหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET 50 ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นไทย ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท เปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 9-13 ก.ค. และจัดให้แคมเปญพิเศษรับเพิ่มหน่วยลงทุน “กองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน” สูงสุดถึง 1 หมื่นบาท ตามเงื่อนไข พร้อมมองภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังยังน่าสนใจ แต่ยังคงต้องเผชิญความผันผวนจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบ

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. ธนชาต เล็งเห็นความต้องการของนักลงทุนในสภาวะตลาดผันผวน และเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้นักลงทุนจึงมีแนวความคิดที่จะเพิ่มกองทุนสไตล์ Passive ที่เน้นจุดขายลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงและมีสภาพคล่องสูงซึ่งดีกว่าเลือกหุ้นผิดรายตัวจึงเปิดขาย “กองทุนเปิดธนชาต SET 50 (T-SET50)” ที่จะลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET50 ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวใกล้เคียงกับสัดส่วนน้ำหนักของหุ้นนั้นๆ ในการคำนวณดัชนี สำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ และต้องการลงทุนในบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไทย เพราะเชื่อว่าผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาวจะสูงกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ หรือ ต้องการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น และคาดหวังผลตอบแทนไว้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี SET 50 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้คัดเลือกบริษัทขนาดใหญ่ จำนวน 50 อันดับแรกจากบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดกว่า 500 บริษัท และจัดทำดัชนี SET50 ขึ้น และหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET50 นี้ ยังต้องมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสม่ำเสมอ และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยมากเพียงพอ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ทั้ง 50 บริษัทนี้มีน้ำหนักราว 80% ของมูลค่ารวมของตลาดหลักทรัพย์ และมีสัดส่วนกำไรสูงถึงกว่า 80% ของกำไรรวมของบริษัทในตลาด

ทั้งนี้ “กองทุนเปิดธนชาต SET 50” เสนอขายครั้งแรกให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ระหว่างวันที่ 9-13 ก.ค.2555 ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท นอกจากนี้ บลจ.ธนชาต ยังได้จัดโครงการส่งเสริมการขายในช่วง IPO เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าและนักลงทุนที่เลือกลงทุนใน “กองทุนเปิดธนชาต SET 50” โดยเงินลงทุนทุกๆ 1 ล้านบาท รับหน่วยลงทุน “กองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน (T-CASH)” มูลค่า 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

สำหรับภาวะการลงทุนนั้นมองว่า การที่ดัชนีหุ้นทั่วโลกเกิดความผันผวนเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนส่วนหนึ่งพอใจกับผลการเลือกตั้งของกรีซ แต่ผิดหวังกับกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ตัดสินใจยังไม่นำมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE3) มาใช้ แล้วหันกลับมาตอบรับเชิงบวกอีกครั้งกับมาตรการผ่อนผันที่ผู้นำสหภาพยุโรปให้กับสเปนและอิตาลี ซึ่งประเมินว่าผลของความคาดหวังและการตอบสนองของนักลงทุนต่อการตัดสินใจใช้นโยบายในที่ต่างๆ เช่น มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลาง (QE และ LTRO) การชะลอการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในกลุ่มสกุลเงินยูโรและสหรัฐฯ หรือการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากจีน เป็นต้น จะยังคงมีอิทธิพลต่อตลาดในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นผันผวนต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงเปราะบาง และสภาวะการลงทุนจะผันผวน แต่ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของไทยทำให้หุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจในการลงทุน โดยเศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวต่อเนื่องและเติบโตในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงบ้าง ปัจจัยเรื่องการคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยยังอยู่สูงในอันดับต้นๆ ของภูมิภาค ขณะที่ระดับดัชนีหุ้นไทยเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัทที่ประเมินไว้ในปีนี้ (P/E Ratio) อยู่ในระดับใกล้เคียงภูมิภาค และใกล้เคียงค่าเฉลี่ยที่เคยซื้อขายสะท้อนว่าราคาหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ไทย ยังได้มีการปรับปรุงการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และรักษาความแข็งแกร่งของฐานะการเงินอยู่เสมอทำให้บริษัทไทยเหล่านี้มีความน่าสนใจในการลงทุน

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนใน “กองทุนเปิดธนชาต SET 50 (T-SET50)” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ.ธนชาต โทร 0-2126-8399  กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร 1770  หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com


วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ธนชาตแจกแล้ว iPhone 4s ตอกย้ำบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิตธนชาต พก รูด จ่าย โอน แล้วรวยจริง

           ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) มอบโชคให้กับลูกค้าที่ใช้บัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตในงาน “ธนชาตท้ากดรหัส ปลดล็อค” รับฟรีเห็นๆ iPhone 4s จำนวน 3 เครื่อง ก่อนถึงรางวัลใหญ่รถยนต์และทองคำแท่งในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อขอบคุณลูกค้าและกระตุ้นการใช้บัตรให้เพิ่มมากขึ้น

            นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าธนาคารธนชาตมีนโยบายชัดเจนในการคิดค้นและพัฒนาทั้งสินค้าและบริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจและใช้บริการด้วยดีตลอดมา ธนาคารธนชาตจึงได้ออกแคมเปญ “บัตรนี้...มีแล้วรวย” มอบโชคให้กับลูกค้า ที่มีบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตของธนาคารมูลค่ากว่า 2,500,000 บาท จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้
            โดยในช่วงแรกของแคมเปญตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ทางธนาคารก็ได้จัดกิจกรรม “ธนชาตท้ากดรหัส ปลดล็อค” ให้ลูกค้านำสลิปเอทีเอ็มที่กดผ่านตู้เอทีเอ็มธนาคารธนชาตหรือสลิป รูดผ่านบัตรเดบิตธนชาต มาร่วมสนุกลุ้นรับ iPhone 4s จำนวน 3 เครื่อง ร่วมงานที่ Terminal 21 แล้ว กดรหัสลับให้ถูกต้อง รับ iPhone ฟรีโดยไม่มีเงื่อนไข
         “กิจกรรมนี้เป็นการตอกย้ำแคมเปญใหญ่ธนชาต “บัตรนี้...มีแล้วรวย” ซึ่งลูกค้าที่มีบัตรเอทีเอ็มและเดบิตธนชาต “พก รูด จ่าย โอน” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม 2555 ทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านตู้เอทีเอ็มและเครื่องรูดบัตร สามารถลุ้นรับรางวัลใหญ่ทุก ๆ 2 เดือน รวม 3 ครั้ง จับรางวัลครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ลุ้นรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ 2 คัน, รถจักรยานยนต์ Honda Scoopyi 8 คัน, iPhone 4S จำนวน 12 เครื่อง จับครั้งที่ 3 รางวัลใหญ่ ทองคำแท่ง มูลค่า 1,000,000 บาท 1 รางวัล รวมของรางวัลมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท รับสิทธิ์ลุ้นของรางวัลง่ายๆ สำหรับลูกค้าบัตรเดบิตแคชแบ็กทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านเครื่องรูดบัตร ทุก 2,000 บาท จะได้รับ 1 สิทธิ์ และสำหรับลูกค้าบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็ม ทุกครั้งที่ใช้บริการผ่านตู้เอทีเอ็มธนชาตในการทำธุรกรรมโอน-ถอนเงินข้ามเขต, โอนเงินต่างธนาคาร, จ่ายบิลค่าสินค้าและบริการ, เติมเงินมือถือ จะได้รับ 1 สิทธิ์ต่อ 1 ธุรกรรม ยิ่งใช้มากยิ่งได้รับสิทธิ์มาก โดยเฉพาะในวันพฤหัสบดีทุกครั้งที่ทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็มธนชาตจะได้รับสิทธิ์เพิ่มเป็น 2 เท่าทันที” นายประพันธ์กล่าว
               นายประพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แคมเปญ “บัตรนี้ มีแล้วรวย” จะเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาทำธุรกรรมผ่านบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ธนชาตจะมุ่งสรรหาสิทธิประโยชน์และแคมเปญต่าง ๆ มามอบให้ลูกค้าตลอดทั้งปี และจากการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าตั้งแต่เริ่มแคมเปญ เห็นได้ว่าลูกค้าได้ให้ความสนใจและทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 60% ของสมาชิกบัตร ซึ่งปัจจุบันธนาคารธนชาตมีลูกค้าถือบัตรรวมจำนวน 1.4 ล้านใบ และลูกค้าสนใจมาสมัครเป็นสมาชิกบัตรเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยเฉพาะบัตรเดบิตแคชแบ็ก เนื่องจากเป็นบัตรเดบิตใบเดียวและใบแรกของสถาบันการเงิน ที่ให้สิทธิ์ประโยชน์ในการคืนเงินทุกครั้งเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร” นายประพันธ์กล่าวทิ้งท้าย


ที่มา http://www.thanachartbank.co.th

ทริสฯให้เครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ TBANK ที่ A+คงเครดิตองค์กรที่ AA-


        บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 11,000 ล้านบาทของ ธนาคารธนชาต(TBANK) ที่ระดับ “A+" ในขณะเดียวกันคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารที่ระดับ “AA-" รวมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A+" และ “A" ตามลำดับด้วย โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable" หรือ คงที่"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นภายหลังการซื้อกิจการและความสำเร็จในการควบรวมกิจการกับ ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลางที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และกระจายตัวมากกว่า อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ในธุรกิจหลัก อันได้แก่สินเชื่อเช่าซื้อ ตลอดจนเครือข่ายธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และกลยุทธ์ที่เอื้อต่อการเพิ่มความแข็งแกร่งในการผสานกำลังทางธุรกิจของกลุ่มธนชาต

นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากประเทศแคนาดา คือ Bank of Nova Scotia (BNS) ซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 49% อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของธนาคารถูกลดทอนลงจากการมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing Asset - NPAs) ในระดับสูง ตลอดจนการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงทั้งในธุรกิจธนาคารและธุรกิจหลักทรัพย์ นอกจากนี้ การเติบโตทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของกลุ่มธนชาตอาจถูกจำกัดด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนของทั้งสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลก

อันดับเครดิต“A"ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนซึ่งนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคาร(TBANK197A และTBANK247A)สะท้อนถึงความด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการเลื่อนชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และสะสมผลตอบแทน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2562 และ 2567 ธนาคารสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้คืนทั้งจำนวนก่อนครบกำหนดได้ภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิประเภทนี้จะได้รับชำระเงินในลำดับถัดจากผู้ฝากเงิน ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีประกัน และผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคาร

ทั้งนี้ ธนาคารมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ประเภทนี้ในกรณีที่ธนาคารมีผลขาดทุนในรอบบัญชีก่อนวันกำหนดชำระดอกเบี้ยและธนาคารไม่มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงเวลา 6 เดือนก่อนวันกำหนดชำระดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม จำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายคืนจะเป็นจำนวนดอกเบี้ยสะสม

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ คงที่" สะท้อนบทบาทสำคัญของธนาคารในการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มธนชาต โดยคาดว่าสถานะทางการตลาดของธนาคารจะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการผสานพลังที่ได้จากการควบรวมกิจการ และจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้นได้ ทั้งนี้ การเติบโตอย่างสม่ำเสมอของรายได้ การบรรลุวิธีแก้ไขสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลดีต่ออันดับเครดิตของธนาคาร

นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังอยู่บนความคาดหมายว่าการลดลงของวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 50 ล้านบาทเป็น 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคม 2555 จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบอย่างรุนแรงโดยทันทีต่อระบบธนาคารพาณิชย์

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ธนาคารธนชาตเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 6 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 7.9% และเงินฝากที่ 6.3% ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2555 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 26% ด้วยสินเชื่อรวม 303.6 พันล้านบาท (รวมสินเชื่อของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่)

ธนาคารได้ควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ส่งผลให้ธนาคารมีสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยเฉพาะภาคสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อมีการกระจายตัวดีขึ้น โดยกระจายไปสู่ธุรกิจทุกภาคส่วน และลดการกระจุกตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจ ณ มีนาคม 2555 คิดเป็น 37% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก 22% ในปี 2552 ในขณะที่สินเชื่อรายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 63% ลดลงจาก 78% เมื่อสิ้นปี 2552

นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเงินฝากขนาดใหญ่รวมทั้งเครือข่ายสาขาจำนวนมากของธนาคารนครหลวงไทยซึ่งจะช่วยขยายขอบเขตและสนับสนุนการให้บริการทางการเงินในกลุ่มธนชาตผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารจะมีมูลค่าเครือข่ายทางธุรกิจ (Franchise Value) ที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในระยะกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการได้ประโยชน์จากการผสานกำลังทางธุรกิจภายในกลุ่มธนชาตยังคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

ฐานะการเงินของธนาคารธนชาตปี 2553 ดีขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการ โดยมีกำไรสุทธิ 8,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% จากปีก่อน อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (Return on Average Asset - ROAA) และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ย (Return on Average Equity - ROAE) ปี 2553 เท่ากับ 1.34% และ 17.51% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่ระดับ 1.00% และ 16.48%

 อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการควบรวมกิจการ ธนาคารมีผลประกอบการปี 2554 ลดลงจากปี 2553 ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยธนาคารมีกำไรสุทธิปี 2554 จำนวน 7,671 ล้านบาท ลดลง 13% จากปีก่อน ROAA และ ROAE ลดลงมาที่ระดับ 0.87% และ 10.37% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง รวมทั้งสำรองหนี้สูญและต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 มีจำนวน 1,772 ล้านบาท ลดลง 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง รวมทั้งต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น แต่ ROAA และ ROAE (ยังไม่ได้ปรับเป็นรายปี) อยู่ที่ระดับ 0.20% และ 2.32% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่างวดเดียวกันของปี 2554 ที่ระดับ 0.26% และ 3.06% อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางคาดว่าธนาคารจะสามารถมีผลประกอบการที่ดีขึ้นภายหลังกระบวนการควบรวมกิจการแล้วเสร็จสมบูรณ์

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ภายหลังการควบรวมกิจการ ธนาคารธนชาตมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-performing Loans - NPLs) และ NPAs (สินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน ยอดคงค้างของสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจที่รับโอนมาจากธนาคารนครหลวงไทย ทั้งนี้ ธนาคารได้ใช้ความพยายามในการปรับปรุงแก้ไข NPLs ให้ดีขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ธนาคารมี NPLs คิดเป็น 5.58% ของเงินให้สินเชื่อรวม ลดลงจาก 6.06% ในปี 2553

ทั้งนี้ NPLs อาจเพิ่มขึ้นได้อันเป็นผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2554 ทั้งนี้ ความสามารถของคณะผู้บริหารในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ในช่วงเวลาภายหลังการควบรวมกิจการยังคงต้องได้รับการพิสูจน์ต่อไป

ภายหลังการควบรวมกิจการ ธนาคารมีแหล่งเงินทุนที่กระจายตัวดีขึ้น อีกทั้งมีโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินที่สอดคล้องกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องของธนาคารอ่อนลงเนื่องจากสินเชื่อมีการเติบโตที่สูงกว่าการขยายตัวของเงินทุน อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินรับฝากซึ่งรวมตั๋วแลกเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 90.4% ในปี 2553 มาอยู่ที่ 97.3% ในปี 2554 และ 100.1% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 เงินกองทุนของธนาคารมีความแข็งแกร่งขึ้นภายหลังการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ TCAP และ BNS ในช่วงปี 2553 จำนวน 35.8 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 6.44% ในปี 2552 เป็น 8.29% ในปี 2553 และ 8.62% ในเดือนมีนาคม 2555

ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 เท่ากับ 9.58% และ 14.11% ตามลำดับ แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง (ไม่รวมธนาคาร 4 แห่งที่มิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ที่ระดับ 10.39% และ 14.89% แต่ยังคงสูงกว่าอัตราส่วนขั้นต่ำที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 4.25% และ 8.50% ตามลำดับ สำหรับระดับเงินกองทุนซึ่งรวมสำรองหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารเพื่อใช้รองรับความเสียหายจากหนี้เสียนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดย ณ เดือนมีนาคม 2555 ธนาคารมี NPAs คิดเป็น 0.7 เท่าของผลรวมของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบธนาคารที่ระดับ 0.5 เท่า

http://www.ryt9.com/s/iq10/1437985

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เปิดบัญชีหลักทรัพย์ธนชาตได้ลุ้นรับโชค

IMG_2198_550.jpg


นางอัศวินี ไตลังคะ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) และนางเกศรา มัญชุศรี ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เชิญชวนนักลงทุนสมัครเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยคลิ๊กแบนเนอร์ของธนชาตบนเว็บไซต์  http://www.settrade.com  ตั้งแต่วันนี้-31 สิงหาคม 2555 รับทันที Gift Voucher มูลค่า 200 บาท และได้สิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัล Samsung Galaxy S III และ New iPAD สำหรับบัญชีที่มีการซื้อขายอย่างน้อย 1 ครั้งภายในวันที่ 30 กันยายน 2555

ธ.ธนชาต เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิอายุ 10 ปี ดอกเบี้ย 4.70% เครดิต A+ เริ่ม 16 - 19 ก.ค. นี้




หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารธนชาต อายุ 10 ปี ได้รับเครดิต A+ จากทริสเรทติ้ง
เตรียมเสนอขาย 16 – 19 กรกฏาคม อัตราดอกเบี้ย 4.70%ต่อปี
จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน

หุ้นกู้ด้อยสิทธิ อายุ 10 ปี ของธนาคารธนชาต ได้รับการจัดอันดับเครดิต A+ จากบริษัท ทริส เรทติ้ง เตรียมจะเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน วันที่ 16 – 19 กรกฎาคม นี้ ที่ธนาคารธนชาต ทุกสาขาทั่วประเทศ  จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และเพิ่มขึ้นขั้นละ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.70%ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต  จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  หุ้นกู้ด้อยสิทธิ อายุ 10 ปี ของธนาคารธนชาตได้รับการจัดอันดับจาก บริษัททริส เรทติ้ง จำกัด ที่ระดับA+   โดยทริส เรทติ้งให้เหตุผลถึงอันดับเครดิตในครั้งนี้ว่า มาจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นของธนาคารธนชาตหลังจากการเข้ารวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลางที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และกระจายตัวมากกว่า รวมทั้งการได้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาจำนวนมากของธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งจะช่วยขยายขอบเขตและสนับสนุนการให้บริการทางการเงินในกลุ่มธนชาตผ่านช่องทางต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ในธุรกิจหลัก คือธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ตลอดจนเครือข่ายธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และกลยุทธ์ที่เอื้อต่อการเพิ่มความแข็งแกร่งในการผสานกำลังทางธุรกิจของกลุ่มธนชาต นอกจากนี้อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของโกเทียแบงก์ ซึ่งถือหุ้นในธนาคารธนชาต 49%
หุ้นกู้ชุดนี้เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนถือหุ้นกู้ และธนาคารมีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนด ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป  ให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1 – 10 เท่ากับ 4.70% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนับเป็นเงินกองทุนของธนาคาร  เตรียมจะเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน ในวันที่ 16 – 19 กรกฎาคม นี้ ที่ธนาคารธนชาต ทุกสาขาทั่วประเทศ  จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และเพิ่มขึ้นขั้นละ 100,000 บาท
“หุ้นกู้ชุดนี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ต้องการลงทุนระยะยาว และได้รับผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนของตลาดโดยรวม  รวมถึงการที่หุ้นกู้ได้รับเครดิต A+   อีกทั้งธนาคารธนชาตก็เพิ่งได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้ง เป็นระดับ “AA-“ จากเดิม “A+”  เมื่อต้นปีที่ผ่านมา  ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี “ นายสมเจตน์ กล่าว
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารธนชาต และ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต ทุกสาขาทั่วประเทศ  หรือ โทรศัพท์ 1770

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

1 กรกฏาคม 2555

ธนชาตจัดแคมเปญออมทรัพย์ “อัลตร้าเซฟวิ่ง” ฉลองครบ 3 ปี แจกดอกเบี้ยสูง 3% ต่อปี สำหรับทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
    
          ธนาคารธนชาตจัดแคมเปญเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ “อัลตร้าเซฟวิ่ง” รับดอกเบี้ยสูงถึง 3% ต่อปี ฉลองครบรอบ 3 ปี ให้ลูกค้าฝากถอนได้คล่องตัวแบบออมทรัพย์และรับผลตอบแทนสูงแบบฝากประจำ
          นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารจัดแคมเปญดอกเบี้ยสูงสำหรับผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์พิเศษ “อัลตร้าเซฟวิ่ง” (Ultra Savings) สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา ที่มียอดเงินฝากคงเหลือตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 3.00 ต่อปี ทั้งลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ของธนาคาร ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เลือกฝากเงินกับบริการดังกล่าวภายหลังจากที่ธนาคารได้เปิดตัวมาครบรอบ 3 ปี
          เงินฝากออมทรัพย์พิเศษ “อัลตร้าเซฟวิ่ง” เป็นการผสมผสานข้อดีของเงินฝากออมทรัพย์แต่รับดอกเบี้ยสูงเหมือนการฝากประจำ ซึ่งมีความคล่องตัวสูงสามารถเบิกถอนได้ถึง 2 ครั้งต่อเดือน ไม่จำกัดจำนวนเงิน ตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2555 เท่านั้น

ที่มา http://www.thanachartbank.co.th/